ราคาเหล็ก ราคาเหล็กเส้น ราคาเหล็กกล่อง เหล็กเส้น เหล็กกล่อง เหล็ก โดย VRSteel | นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

0

เมนู

นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สมาชิกรับทราบและยินยอมปฏิบัติตามนโยบาย และ ข้อตกลงในการให้บริการของ www.vrsteel.com ซึ่งบริหารงานโดย บริษัท แวนเทจ เรด สตีล จำกัด

( ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า บริษัทฯ )  ซึ่งตั้งอยู่ที่ 298/34 ถนนพรหมราษฏร์ แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร 10150
โทรศัพท์ : +66(0)2 450 3355-6 ( เฉพาะเวลาทำการ จันทร์ - เสาร์, 8:30-17:30 ) นโยบาย และ ข้อตกลงในการให้บริการดังต่อไปนี้ หากมีข้อสงสัยสามารถ Email มาที่
info@vrsteel.com


นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA)

บริษัท ระบบเช็คราคาและร้านค้าเหล็กออนไลน์ (VRSteel.com) ("บริษัท") เป็นผู้พัฒนาและเจ้าของ ระบบเช็คราคาและร้านค้าเหล็กออนไลน์ (VRSteel.com) ซึ่งถือเป็นบริการ หนึ่งของบริษัท ("บริการ") เมื่อท่านสมัครบัญชีใช้งานของบริษัทผ่าน ระบบเช็คราคาและร้านค้าเหล็กออนไลน์ (VRSteel.com) ท่านจะถือว่าเป็น ผู้ใช้บริการของบริษัท ("ผู้ใช้บริการ") และในการให้บริการแก่ท่าน บริษัทมีความ จำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงมีจุดประสงค์ประกาศนโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ขึ้น เพื่อแจ้ง เกี่ยวกับ สิทธิและหน้าที่ รวมถึงเงื่อนไขต่างๆ อันเกี่ยว เนื่องกับการเก็บ รวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลที่บริษัท จะดำเนินการให้ผู้ใช้บริการ ในฐานะผู้ใช้บริการรับทราบ

นโยบายความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ มีผลใช้บังคับกับการให้บริการของบริษัทเท่านั้น ไม่มีผลใช้บังคับ กับ แอปพลิเคชั่นและบริการหรือเว็บไซต์อื่นๆ ที่อาจมีการเชื่อมต่อ ซึ่งเป็นของบุคคลภายนอก ที่บริษัทไม่มี อำนาจ ควบคุม และเป็นส่วนที่ผู้ใช้บริการต้องทำความตกลง และศึกษาเกี่ยวกับนโยบายข้อมูลส่วน บุคคล สำหรับ การใช้แอปพลิเคชั่น บริการ หรือเว็บไซต์ดังกล่าวแยกต่างหาก

หากผู้ใช้บริการไม่ตกลงตามเงื่อนไขของนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ หรือฉบับแก้ไขอื่นๆ บริษัท สงวนสิทธิที่จะห้าม หรือไม่อนุญาตให้ผู้ใช้บริการดังกล่าวใช้บริการของบริษัท เนื่องจากการประมวล ผลข้อมูลส่วนบุคคลภายใต้นโยบายฉบับนี้ มีความผลจำเป็นโดยตรงต่อ การปฏิบัติตามหน้าที่ให้ บริการโดยบริษัทแก่ ผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ การที่ผู้ใช้บริการยังคงใช้บริการของบริษัทอยู่ ผู้ใช้บริการ ดังกล่าว จะถือว่า ยอมรับนโยบายฉบับนี้เสมอ

บริษัทอาจปรับปรุงนโยบายฉบับนี้ตามแต่ละระยะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง และให้สอดคล้องกับการให้บริการต่างๆของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะแจ้งให้ผู้ใช้ บริการทราบถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยการประกาศนโยบายฉบับปรับปรุงใหม่ให้ผู้ใช้บริกาทราบ โดย นโยบาย นั้นจะถือว่ามีผลบังคับใช้ เมื่อบริษัทได้ประกาศ


ลักษณะข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทประมวลผลในการให้บริการของบริษัท
ในการให้บริการ บริษัทจะเก็บรวบรวม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล จากการที่ผู้ใช้บริการดำเนิน การผ่านระบบการให้บริการ ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลที่บ่งชี้ตัวตนโดยตรง อาทิ ชื่อ อายุ สัญชาติ วันเกิด
  2. ข้อมูลการติดต่อ อาทิ ที่อยู่ สถานที่ติดต่อ เบอร์โทร อีเมล
  3. ข้อมูลการชำระเงิน อาทิ รายละเอียดการชำระเงิน บัตรเครดิต และบัญชีธนาคาร
  4. ข้อมูลการใช้บริการ อาทิ ชื่อบัญชีผู้ใช้ รหัสผ่าน ประวัติการทำธุรกรรมต่างๆ ที่ผู้ใช้บริการ ดำเนินการ รวมถึง ความสนใจของต่างๆของผู้ใช้บริการ
  5. ข้อมูลทางเทคนิคในการระบุตัวตน อาทิ หมายเลขระบุตำแหน่งคอมพิวเตอร์ (IP Address) ข้อมูลการใช้งาน การตั้งค่าและการเชื่อมต่อบราวเซอร์ของอุปกรณ์ที่ผู้ใช้บริการ ใช้ในการใช้ บริการของบริษัท
  6. การบันทึกเสียงสนทนา


วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

1. บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ต่าง ๆ ภายใต้ฐานทางกฎหมายดังต่อไปนี้

1.1 เพื่อวัตถุประสงค์ในการลงทะเบียนเพื่อเปิดบัญชีลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

เป็นกรณีใช้ฐานสัญญาเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน สำหรับการลงทะเบียนเป็นลูกค้ารายใหม่หรือการเปิดบัญชีลูกค้า และใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การจัดการบัญชี และการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นต้น

1.2 เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการเข้าทำสัญญาและการวางหลักประกัน

เป็นกรณีใช้ฐานสัญญา เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญาและกระบวนการอื่น ๆที่เกี่ยวข้องกับหารเข้าทำสัญญา เช่น การตรวจสอบหลักฐานประกอบการทำสัญญา การพิจารณาวงเงินสินเชื่อ และการวางหลักประกัน เป็นต้น และเป็นกรณีใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การบริหารจัดการสัญญา การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า และการพิจารณาคุณสมบัติของลูกค้า เป็นต้น

1.3 เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันคำสั่งซื้อจากลูกค้า

เป็นกรณีใช้ฐานสัญญาเนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาซื้อขายและหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นคู่สัญญา และฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การบริหารจัดการคำสั่งซื้อจากลูกค้า และการตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า เป็นต้น

1.4 เพื่อวัตถุประสงค์ในการจัดเตรียมสินค้าและ/หรือบริการ และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้อง

เป็นกรณีใช้ฐานสัญญา เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นคู่สัญญา เช่น การจัดส่งสินค้า การวางบิล การยืนยันยอดหนี้ค้างชำระและการจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้แก่ลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น และใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในกรณีที่ลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันเป็นนิติบุคคล เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท เช่น การติดต่อสื่อสารกับลูกค้า เป็นต้น

1.5 เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าในระบบของบริษัท

เป็นกรณีใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจาก เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเกี่ยวกับลูกค้าหรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในระบบของบริษัทให้มีความถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

1.6 เพื่อวัตถุประสงค์ในการรับเรื่องร้องเรียนจากลูกค้าผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

เป็นกรณีใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายในการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน ในการร้องเรียน หรือยื่นข้อเสนอแนะจากลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เพื่อเป็นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการของบริษัท

1.7 เพื่อวัตถุประสงค์ประชาสัมพันธ์และเพื่อกิจกรรมทางการตลาดของบริษัท

เป็นกรณีใช้ฐานความยินยอมเนื่องจากเป็นการดำเนินกิจกรรมทางการตลาดใด ๆ อาทิ การส่งข้อความเกี่ยวกับการสื่อสารทางการตลาดให้แก่ลูกค้า การขอถ่ายภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวของลูกค้า เพื่อนำไปประมวลภาพและประชาสัมพันธ์กิจกรรมการตลาดตามช่องทางสื่อต่างๆ บริษัทจะดำเนินการโดยอาศัยความยินยอมที่ได้รับจากท่าน

1.8 เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน

เป็นกรณีใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นในการติดต่อสื่อสารกับท่านเกี่ยวกับการให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การตอบข้อซักถาม หรือข้อเสนอแนะของท่าน เป็นต้น

1.9 เพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทและคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องและเจ้าหน้าที่

เป็นกรณีที่ฐานกฎหมาย เนื่องจากต้องปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งบังคับใช้กับบริษัท อาทิ กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น

1.10 เพื่อวัตถุประสงค์ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัท

เป็นกรณีใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทในขั้นตอนต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือการไต่ส่วนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี และ/หรือการต่อสู้คดีในขั้นศาล เป็นต้น

1.11 เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคล และทรัพย์สินของบริษัท

เป็นกรณีใช้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากเป็นการจำเป็นในการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัท หรือการใช้ภาพบันทึกจากกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อป้องกันการสูญหาย หรือความเสียหายในทรัพย์สินของบริษัท หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัท สูญหาย หรือเสียหาย เป็นต้น และใช้ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบดูแล ป้องกัน หรือระงับเหตุการณ์ใด ๆ ที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล

2. เนื่องจากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลเพื่อวัตถุประสงค์ที่กำหนดตามข้อ 1.1 ข้างต้นในส่วนที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมี

ความจำเป็นเพื่อเข้าทำสัญญากับท่าน เป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทอาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัทไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้(แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือยกเลิกการซื้อขายหรือการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

3. ในกรณีที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีนโยบายหรือ

ประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และเหรือมีหนังสือไปยังท่านเพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านนโยบายหรือประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฉบับนี้ และ/หรือหนังสือดังกล่าว แล้วแต่กรณี


ทั้งนี้ บริษัทจะเก็บและรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้บริการไว้ตลอดระยะเวลา ตราบเท่าที่ผู้ใช้ บริการยังคงเป็นผู้ใช้บริการของบริษัทอยู่ และบริษัทสงวนสิทธิเก็บข้อมูลไว้อีกเป็นระยะเวลา 10 ปีหลัง จากผู้ใช้บริการยกเลิกการใช้บริการ เพื่อประโยชน์ในการปกป้อง และต่อสู้สิทธิต่างๆของบริษัท เว้น แต่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดให้บริษัทมีหน้าที่เก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นระยะเวลาอื่น บริษัทอาจมี ความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 10 ปี


การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
เพื่อการให้บริการ ตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ บริษัทอาจมีความ จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ ใช้บริการ ในกรณี ดังนี้

  1. บริษัทอาจมีความจำเป็นเปิดเผยให้แก่ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัท ที่ได้รับการว่าจ้างจาก บริษัทให้ช่วยเหลือสนับสนุนการให้บริการของบริษัท เช่น ที่ปรึกษา ผู้รับจ้างให้บริการ ผู้รับจ้างขนส่ง รวมถึงผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการประเมินการบริการของบริษัท เช่น Google Analytics ทั้งนี้บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลเฉพาะเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
  2. บริษัทอาจเปิดเผยด้วยการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในระบบระบบคอมพิวเตอร์ ที่ใช้บริการ ได้แก่ ตั้งเซิฟเวอร์ด้วยตนเอง, Google Cloud Platform
  3. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูล ด้วยความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปกป้องและต่อสู้สิทธิของบริษัท หรือเพื่อการป้องกันและตรวจสอบลักษณะการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการของบริษัท โดยผู้ใช้บริการ ในลักษณะต่างๆ โดยบริษัทจะดำเนินการดังกล่าวเท่าที่จำเป็น เท่านั้น
  4. ในกรณีที่บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมาย หรืออยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือคำคำสั่งของ หน่วยงานราชการ บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลให้แก่ หน่วยงานดังกล่าว เพื่อ เป็นการปฏิบัติตามหน้าที่ที่มีตามกฎหมาย


Cookies ที่บริษัทใช้ในการให้บริการ
Cookies คือ text files ที่อยู่ในคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้บริการ ใช้เพื่อจัดเก็บรายละเอียดข้อมูล log การ ใช้งานอินเตอร์เน็ต หรือพฤติกรรมการใช้บริการของผู้ใช้บริการ ทั้งนี้ เพื่อรับประกันประสิทธิภาพใน การให้บริการของบริษัทแก่ผู้ใช้บริการ บริษัทมีความจำเป็นต้องใช้คุกกี้หลายประเภทเพื่อจุดประสงค์ ต่างกันไป ตังที่ระบุต่อไปนี้

  1. Functionality Cookies: ใช้ในการจดจำสิ่งที่ผู้ใช้บริการเลือก หรือตั้งค่าบนแพลตฟอร์ม เช่น ชื่อบัญชีผู้ใช้ ภาษา ฟ้อนต์ และรูปแบบแพลตฟอร์ม เพื่อการนำเสนอข้อมูลที่ตรงความต้องการ เฉพาะบุคคล ให้แก่ผู้ใช้บริการได้มากขึ้น ตามการตั้งค่าต่างที่เลือกไว้
  2. Advertising Cookies: ใช้ในการจดจำสิ่งที่ท่านเคยเยี่ยมชมและรวมถึง ลักษณะการใช้ บริการของผู้ใช้บริการ เพื่อนำเสนอสินค้า หรือบริการที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของ ผู้ใช้บริการ และใช้เพื่อการประเมินประสิทธิผลของการใช้ฟังก์ชั่นต่างๆของระบบ
  3. Strictly Necessary Cookies เป็นคุกกี้ประเภทที่มีความจำเป็นอย่างมากต่อการทำงานเพื่อ การให้บริการของบริษัท เพื่อมีความจำเป็นเพื่อให้การใช้บริการโดยผู้ใช้งานสามารถทำได้ อย่างทั่วถึงและปลอดภัย

แม้ว่าการใช้คุกกี้จะมีประโยชน์ในการเสริมประสิทธิภาพในการให้บริการ และการทำงานให้บริการ ของบริษัท แต่หากผู้ใช้บริการต้องการ ผู้ใช้บริการสามารถลบการตั้งค่าคุกกี้บน Browser ของตน เองได้ แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้บริการต้องรับทราบว่า การดำเนินการดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงานให้บริการของบริษัทได้ในบางส่วน ตามจุดประสงค์การทำงานของคุกกี้ที่ระบุไว้


คำรับประกันการดำเนินมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในข้อมูลที่เหมาะสม
บริษัทรับประกันจัดให้มีมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม เพื่อป้องกัน การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดย มิชอบ นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดแนวปฏิบัติภายในเพื่อกำหนดสิทธิในการเข้าถึงหรือการใช้ข้อมูล ส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรักษาความลับ และความปลอดภัยของข้อมูล ทั้งนี้ บริษัทจะจัดให้มีการทบทวนมาตรการดังกล่าวเป็นระยะเพื่อความเหมาะสม ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง


สิทธิของเจ้าของข้อมูล
บริษัทรับทราบ และเคารพสิทธิตามกฎหมายของผู้ใช้บริการ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านผู้ใช้บริการ ซึ่งได้แก่ สิทธิ ดังนี้

  1. สิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงสิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลดังกล่าวให้ เป็นปัจจุบันและถูกต้อง
  2. สิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัททำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้ งานโดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ รวมถึง สิทธิขอให้ส่งหรือ โอน ข้อมูลรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
  3. สิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  4. สิทธิขอให้ลบหรือทำลาย หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เมื่อข้อมูลนั้นหมดความจำเป็นหรือเมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลถอนความยินยอม
  5. สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ในกรณีเมื่อเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องลบ หรือ เมื่อข้อมูลดังกล่าวหมดความจำเป็น
  6. สิทธิถอนความยินยอม ในการประมวลผลข้อมูลที่ผู้ใช้บริการเคยให้ไว้

ทั้งนี้ ผู้ใช้บริการสามารถติดต่อมายังบริษัท เพื่อขอใช้สิทธิข้างต้นได้ ตามรายละเอียดการติดต่อที่ บริษัทได้กำหนดไว้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ และบริษัทจะพิจารณา และแจ้งผลการพิจารณาการ ขอใช้สิทธิ ให้ผู้ใช้บริการทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่เราได้รับคำร้องขอดังกล่าว


ช่องทางการติดต่อ

รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูล

ชื่อ: บริษัท แวนเทจ เรด สตีล จำกัด

สถานที่ติดต่อ: 298/34 ถนนพรหมราษฏร์ แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร 10150

ช่องทางการติดต่อ: +66(0)2 450 3355-6 ( เฉพาะเวลาทำการ จันทร์ - เสาร์, 8:30-17:30 )

อีเมล: info@vrsteel.com

เว็บไซต์: www.vrsteel.com


รายละเอียดเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer: DPO)

ชื่อ: คุณคมกฤษ เย็นภิญโญ

สถานที่ติดต่อ: 298/34 ถนนพรหมราษฏร์ แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร 10150

ช่องทางการติดต่อ: +66(0)2 450 3355-6 ( เฉพาะเวลาทำการ จันทร์ - เสาร์, 8:30-17:30 )

อีเมล: info@vrsteel.com

กลับสู่ด้านบน