สำหรับบทความในครั้งนี้ ทาง VRSteel อยากนำเสนอให้ผู้อ่านร่วมกันคิดวิเคราะห์ เนื่องจากเราอยู่ในช่วงเวลาที่ทุกความแน่นอน...อาจจะไม่แน่นอน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราอยู่ในกระแสของความผันผวนเช่นนี้ การวิเคราะห์หรือคาดเดาสถานการณ์แบบเดิมๆ ก็มักจะผิดเพี้ยนจากปกติ จนหลายครั้ง เราอาจต้องถอยหลังมาดูภาพกว้างของสถานการณ์อีกหลายรอบ วิธีคือเราต้องย้อนกระบวนการความคิดด้วยการหันกลับไปดูต้นตอของปัญหา และตัดสินใจเลือกอนาคตบนความเป็นไปได้ที่เน้นความยั่งยืนมากกว่าการวิเคราะห์ปัญหาจากเหตุการณ์รายวัน

ผลพวงจากสภาวะเงินถูก บวกกับดอกเบี้ยต่ำที่ติดต่อกันมานานกว่า 30 ปี ก่อให้เกิดความเคยชินจากการก่อหนี้เพื่อแสวงผลกำไร ตั้งแต่การกู้ระดับประเทศจนไปถึงหน่วยธุรกิจ ทั้งขนาดใหญ่ไปถึงรายย่อย คนทั่วโลกมีการก่อหนี้ภาคครัวเรือนอย่างสูงมากชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในอดีต จนเมื่อโรคระบาด covid-19 ได้เข้ามาเจาะทำลายระบบกลไกของเศรษฐกิจในทุกระดับ ผสานกับเหตุการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน (ประเทศแหล่งพลังงานและทรัพยากรสำคัญของโลก) สภาวะตึงตัวของ world politics ซึ่งกระทบนโยบายการค้าระหว่างประเทศ ที่ปัจจุบันมีการแบ่งฝักฝ่ายกันชัดเจน ปัญหาทับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน (complex supply chain crisis) ที่ขาดเสถียรภาพไม่มีความสมดุล จนหลายประเทศที่เคยพึ่งพาทรัพยากรและสินค้าจากประเทศอื่น เกิดปัญหาความขาดแคลนอย่างหนักเหล่านี้ในปัจจุบัน นักวิเคราะห์ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เรากำลังเจอกับ “Perfect Storm”

ในส่วนของอุตสาหกรรมเหล็ก หากจำกันได้ VRSteel ได้อธิบายกลไกราคาเหล็กที่อ้างถึงสถานการณ์จากแหล่งผลิตรายใหญ่ของโลก (ประเทศจีน) ในบทความเดือนมกราคมว่า เพื่อป้องกันสภาวะฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ รัฐบาลจีนได้ออกกฎหมายเพื่อระงับการซื้อบ้านเพื่อเก็งกำไร ทำให้ปริมาณการก่อสร้างโครงการใหม่ๆลดลง นโยบาย ZERO COVID ของจีน ก็ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจขาดความคึกคัก โดยผลสรุปล่าสุด รายงานจาก CNN ระบุว่า การลงทุนในอุตสาหกรรมก่อสร้างจีน ครึ่งปีแรกลดลง 9.4% เทียบกับปีที่แล้ว ในขณะที่ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ลดลง 32% (โดยขนาดพื้นที่) เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2565 โดยสภาวะเช่นนี้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นอย่างมาก บริษัทก่อสร้างหลายรายเริ่มมีปัญหาในการหมุนเวียนเงินเพื่อใช้ในการก่อสร้าง ในขณะที่ผู้ซื้อบ้านชาวจีนก็ขาดความมั่นใจในการผ่อนชำระเช่นกัน ล่าสุดรัฐบาลจีนจึงประกาศนโยบายอัดฉีดเงินเพื่อกระตุ้นการก่อสร้างในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ทำให้ราคาเหล็กและวัสดุก่อสร้างเริ่มฟื้นขึ้นมาบ้างช่วงปลายเดือนกรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาฝั่งไทย สภาวะเงินบาทไทยเทียบดอลล่าร์สหรัฐที่ลดลงประมาณ 10% นับจากต้นปี 2565 (33.2 บาท/usd ต้นเดือนมกราคม – 36.2 บาท/usd ปลายเดือนกรกฎาคม) เปรียบเทียบราคาเหล็กเส้นในประเทศที่ลดต่ำลงมา 10% ในช่วงเวลาเดียวกัน (23 บาท/กก. ต้นเดือนมกราคม – 21 บาท/กก. ปลายเดือนกรกฎาคม) ทาง VRSteel สังเกตว่า หากอัตราแลกเปลี่ยนต้นปียังคงที่ เท่ากับว่าราคาเหล็กก็มีโอกาสปรับลดลงถึง 20% เลยทีเดียว ซึ่งอานิสงค์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาเหล็กยังไม่ร่วงแรงจนเกินไป ถึงอย่างไรก็ตาม เงินบาทก็ยังไม่มีทีท่าจะแข็งค่าขึ้นในเร็วๆนี้ เพราะด้วยนโยบายการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED (Federal Reserve System) ที่ยังปรับขึ้นอยู่อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยที่เพิ่มขึ้นอีก (ปัจจุบันอยู่ที่ 7.66%) โดยหากเปรียบเทียบเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่เศรษฐกิจล้มละลายและกลุ่มเสี่ยงล้มละลายในเอเซีย ค่าเงินเฟ้อของไทยยังอยู่ในลำดับที่ 19 ที่แม้ยังพอพยุงตัวได้ แต่ก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เนื่องจากประเทศข้างเคียงอย่าง เมียนมา (17.3%) และ ลาว (23.6%) ก็ประสบปัญหาวิกฤติเงินเฟ้ออย่างหนักไปเรียบร้อยแล้ว

ด้วยสถานการณ์หลากหลายมิติดังกล่าว เราอาจจะเริ่มเห็นถึงความเสื่อมถอยของการเติบโตเศรษฐกิจในภาพรวม ซึ่งแน่นอนว่า ในส่วนธุรกิจการก่อสร้างจะได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง ปัญหาการชะลอตัวในภาคการก่อสร้างที่อยู่อาศัยน่าจะเริ่มชัดเจนและหนักมากขึ้นในช่วงปลายปีนี้จนถึงปีหน้าอย่างแน่นอน หากแต่ในทางกลับกัน กลุ่มนักลงทุนที่มีกระแสเงินสดก็มักจะมองสถานการณ์นี้ว่าเป็นจังหวะที่ดี หลายรายก็อาจจะเริ่มกว้านซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ในแหล่งยุทธศาสตร์ กลุ่มทุนต่างชาติในบางประเภทธุรกิจได้มาทุ่มลงทุนเช่นกัน เพราะอย่าลืมนะว่า ในวิกฤติมักจะมีโอกาสเสมอ และโอกาสในช่วงวิกฤติครั้งนี้ คือโอกาสที่ดีที่สุดในรอบหลายสิบปี เช่นกันกับราคาเหล็ก VRSteel มองว่าจังหวะนี้เป็นช่วง super discount สำหรับเจ้าของโครงการและผู้ลงทุน อีกทั้งผู้รับเหมาที่รับงานในจังหวะนี้ก็ยังสามารถเพิ่มผลกำไรจากต้นทุนวัตถุดิบตาม BOQ ในระหว่างก่อสร้างได้เช่นกัน ทั้งนี้ หากเทียบราคาเหล็กกับสินค้า commodity ชนิดอื่นแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ราคาเหล็กจะอยู่ค้างในระดับต่ำเช่นนี้ และด้วยความเสี่ยงในองค์ประกอบของ supply ต่างๆ ก็มีโอกาสที่ราคาเหล็กจะกลับพลิกเป็นขาขึ้นโดยเร็วเช่นกัน เนื่องจากค่าพลังงานและต้นทุนวัตถุดิบหลายชนิดได้ปรับตัวขึ้นไปหมดแล้วนั่นเอง เพราะอย่าลืมว่า “หลังผ่านช่วงราคาลงแรง ช่วงราคาขึ้น ก็จะขึ้นเร็วเช่นกัน”

อนึ่ง การเปลี่ยนแปลงของราคาซื้อขายในโลกปัจจุบัน ไม่สามารถใช้แค่เกณฑ์ Demand-Supply ในการประเมินแนวโน้มได้อีกต่อไป แต่ต้องพิจารณาปัจจัยความเปลี่ยนแปลงอื่นที่เกิดรอบตัวสินค้านั้นๆให้ละเอียดลึกซึ้ง ในที่นี้ สำหรับการดูแนวโน้มราคาเหล็ก เราจึงต้องมองปัจจัยอื่นควบไปด้วย เช่น อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน แหล่งวัตถุดิบ ราคาพลังงาน สภาวะเอื้ออำนวยทางธุรกิจ โครงการจากนโยบายรัฐ และรวมไปถึงสถานการณ์เฉพาะต่างๆ (ยกตัวอย่างเช่น เรือที่ขวางคลองสุเอซทำให้โลกประสบปัญหาการขนส่งอยู่หลายเดือน) หากมีสภาวะขาดแคลนสินค้าบางอย่างที่อาจกระทบต้นทุนการผลิต แนวโน้มราคาก็อาจเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน และนี่คือเหตุผลที่ VRSteel เลือกใช้รูปแบบการให้ราคา realtime แบบ dynamic price ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับความผันผวนของตลาดเหล็ก ซึ่งเราเป็นรายเดียวที่ผู้ใช้สินค้าเหล็กควรเช็คราคา ก่อนตัดสินใจสั่งซื้อทุกครั้ง 

สุดท้ายนี้ VRSteel ก็ได้แต่ขอภาวนาให้สถานการณ์ความปั่นป่วนต่างๆสงบลง เพราะสภาวะแบบนี้มีแต่สร้างความไม่แน่นอน มีความเสี่ยงที่กระทบต่อการตัดสินใจลงทุน ซึ่งเราก็ได้แต่หวัง......ให้นักธุรกิจไทยกลับมาแข็งแรงและมีเสถียรภาพโดยเร็ว 

แล้วพบกันใหม่กับบทความจาก VRSteel ในโอกาสหน้า (finger crossed)

และสอบถามเงื่อนไขการรับราคาที่ดีได้ที่ 02-450-3355-6 หรือ

 Line Official : @vrsteel

Facebook : VRSteel